ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ฮอลลีวูดแล้ว เราก็ยังนึกถึง 6 สตูดิโอยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวูด ที่มีอายุมานานเกือบ 100 ปี คือ
- Warner Bros Pictures
- Walt Disney Pictures
- Universal Pictures
- Columbia Pictures
- 20th Century Fox Pictures
- Paramount Pictures
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ( วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 ) ได้มีข่าวใหญ่สะเทือนวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด นั่นก็คือ
Walt Disney ซื้อกิจการ 21st Century Fox
ที่มีมูลค่ามาก $71.3B หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่ง Deal ในครั้งนี้ ก็ได้มีนักวิเคราะห์ ออกมาวิเคราะห์ในมุมต่างๆ มากมาย ว่า Walt Disney จะได้อะไรบ้างจาก Deal นี้ อาทิเช่น
- ลิขสิทธิ์ตัวละครในภาพยนต์
- ลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์
- สถานีโทรทัศน์
- สตูดิโอ
- และอื่นๆอีกมากมาย
ที่สำคัญคือ Walt Disney เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Hulu ซึ่งเดิม Walt Disney ถือ 30% และ 21st Century Fox ถือ 30% Comcast ถือ 30% และ Time Warner ถือ 10% ทำให้หลังจากจบ Deal นี้ Disney จะถือทั้งสิ้น 60%
หลายท่านคงสงสัยว่า Hulu คืออะไร Hulu ก็คือ บริษัทที่ทำธุระกิจสตรีมมิงวิดีโอออนดีมานด์ ภาพยนต์ ซีรีย์ การ์ตูน รวมถึงรายการทีวี อันดับ 3 ของอเมริกา มีสมาชิกมากกว่า 20 ล้านสมาชิก ทั่วโลก
ซึ่งการขยับตัวครั้งใหญ่ของ Walt Disney ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประกาศจุดยืนว่าตนจะแข่งขันนกับ Netflix เต็มรูปแบบ ภายใต้การสตรีมคอนเทนต์บนระบบของตนเอง คือ Hulu และนอกจากนั้น Walt Disney ยังประกาศว่า จะยุติความร่วมมือกับ Netflix โดยคอนเทนต์ของ Walt Disney ที่อยู่บน Netflix ที่เป็นของ Walt Disney จะสามารถฉายได้ถึง สิ้นปี 2018 เท่านั้น หลังจากนั้น Walt Disney จะทำการสตรีมคอนเทนต์เองบน Hulu ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Walt Disney และ Netflix ได้มีการร่วมมือกันในการผลิตซีรีย์อยู่หลายเรื่อง เช่นในรูปแบบตัวละครของ Marvel
ทิศทางของ Walt Disney ใน Deal นี้เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า Walt Disney ไม่ยอมให้ถูก Disrupt เพราะแนวโน้มปัจจัยหลายๆอย่างของพฤติกรรมผู้บริโภค กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คนที่อยากดูภาพยนต์ที่มีคุณภาพ ก็สามารถดูที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่บ้าน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ หรือว่าเวลาอื่นๆ ก็สามารถชมภาพยนต์ได้ ดังเช่น Netflix แสดงให้เห็น